เว็บท่ากรมศิลปากร
Thai
English
กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
หน้าหลัก
เกี่ยวกับหน่วยงาน
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ประวัติและบทบาทหน้าที่
โครงสร้างและบุคลากร
หน่วยงานในสังกัด
ข่าวและกิจกรรม
ข่าวกิจกรรม
ข่าวจัดซื้อจัดจ้าง
ข่าวรับสมัครงาน
คลังภาพกิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์
ปฏิทินกิจกรรม
คลังวิชาการ
ความรู้ทั่วไป
คลังภาพทรงคุณค่า
แผ่นพับกิจกรรม
วีดีทัศน์
นิทรรศการ
ประชาชนควรรู้
กฎหมายและระเบียบ
เรื่องน่ารู้
บริการ
เอกสารดาวน์โหลด
แบบสอบถาม
สอบถามบ่อย
ติดต่อเรา
หน้าแรก
คลังวิชาการ
ความรู้ทั่วไป
“พระพิมพ์ดินเผา แสดงภาพพุทธประวัติ ตอนมหาปาฏิหาริย์” ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ขอนำเสนอโบราณวัตถุชิ้นสำคัญอันมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ภายหลังการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นคือ “พระพิมพ์ดินเผา แสดงภาพพุทธประวัติ ตอนมหาปาฏิหาริย์”
พระพิมพ์แสดงภาพพุทธประวัติ ตอนมหาปาฏิหาริย์
วัสดุ ดินเผา
ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 12-13
ปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส
...................................................................................
พระพิมพ์ดินเผารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าเป็นภาพพระพุทธเจ้าอยู่ในอิริยาบทประทับนั่งขัดสมาธิราบ ล้อมรอบด้วยมนุษยนาค และเหล่าทวยเทพเทวดา พระหัตถ์แสดงปางสมาธิ มีฉัพพรรณรังสีล้อมรอบพระเศียร ประทับนั่งบนดอกบัว ซึ่งมีก้านบัวงอกออกมาจากเบื้องล่าง ตรงก้านบัวมีรูปบุคคล 3 คน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมนุษยนาค ถัดขึ้นมาในระดับเดียวกับพระพุทธเจ้า ปรากฏรูปบุคคลยืนในท่าตริภังค์ (ท่ายืนโดยเอียง 3 ส่วนคือ สะโพก ไหล่ และศีรษะ) สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระอินทร์ พระพรหม และเหล่าเทพเทวดา ด้านบนสุดของภาพ มีกลุ่มบุคคลแสดงท่าทางคล้ายกำลังเหาะอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งน่าจะเป็นเหล่าทวยเทพเทวดาที่เสด็จลงมาเฝ้าพระพุทธเจ้า และที่มุมบนด้านข้างของภาพมีวงกลมขนาดเล็ก 2 วง ภายในเป็นรูปบุคคลเห็นเพียงครึ่งตัว สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์
ส่วนด้านหลังของพระพิมพ์ เป็นจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี มีข้อความเป็นคาถา “เย ธมฺมาฯ” ลักษณะเป็นรอยขูดขีดด้วยวัสดุปลายแหลม ซึ่งน่าจะเป็นการจารึกด้วยมือโดยตรงก่อนนำไปเผา โดยคาถา “เย ธมฺมาฯ” ถือเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เป็นคาถาที่พบได้ทั่วไปในดินแดนที่นับถือพระพุทธศาสนาในเอเชีย รวมทั้งในประเทศไทย คาถาดังกล่าวมักจารึกบนวัสดุต่าง ๆ หลายประเภท ทั้งแผ่นลานทอง ลานเงิน แผ่นอิฐ แผ่นศิลา จารึกบนพระพิมพ์ พระพุทธรูป และรูปเคารพพระโพธิสัตว์ มักจะจารึกด้วยตัวอักษรตามยุคสมัย และอักษรที่ใช้อยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น อักษรพราหมีสมัยราชวงศ์คุปตะ อักษรปัลลวะ เป็นต้น ส่วนภาษาที่จารึกจะเป็นภาษาบาลี หรือสันสกฤต
จากลักษณะองค์ประกอบโดยรวมของพระพิมพ์ดินเผาองค์นี้ทำให้สันนิษฐานได้ว่า น่าจะเป็นพระพิมพ์ดินเผาแสดงภาพพุทธประวัติ ตอนมหาปาฏิหาริย์ ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ตอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงมหาปาฏิหาริย์ที่เมืองสาวัตถี โดยทรงประทับนั่งบนดอกบัวซึ่งถูกเนรมิตขึ้นโดยราชาแห่งนาค 2 ตนนามว่า นันทะ และอุปนันทะ มีพระพระอินทร์ พระพรหม และเหล่าทวยเทพเทวดาทั้งหลายเสด็จลงมาเข้าเฝ้า
พระพิมพ์ดินเผาองค์นี้เป็นพระพิมพ์ศิลปะทวารวดี น่าจะมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-13 ไม่ปรากฏแหล่งที่มาแน่ชัด แต่น่าจะถูกนำมาจากที่อื่น เนื่องจากเป็นวัตถุที่มีขนาดเล็กสามารถเคลื่อนย้ายนำไปยังที่ต่าง ๆ ได้ง่าย ทั้งนี้ยังพบพระพิมพ์ดินเผาจากแม่พิมพ์เดียวกันนี้ในพื้นที่ที่เป็นเมืองโบราณในสมัยทวารวดีอีกหลายแห่งด้วยกัน เช่น ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี กรุพระบรมธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เป็นต้น ซึ่งการพบพระพิมพ์ดินเผาจากแม่พิมพ์เดียวกันเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงการติดต่อเชื่อมโยงกันระหว่างชุมชนโบราณในสมัยทวารวดีได้เป็นอย่างดี
พระพิมพ์ถือได้ว่าเป็นโบราณวัตถุสำคัญอย่างหนึ่งในทางพระพุทธศาสนา โดยการริเริ่มสร้างพระพิมพ์นั้นเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 9-11 สมัยราชวงศ์คุปตะ ซึ่งถือเป็นยุคทองของศิลปะอินเดีย คติในการสร้างพระพิมพ์ แต่เดิมคงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่ระลึก แสดงถึงการที่พุทธศาสนิกชนได้ไปบูชาสังเวชนียสถานทางพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย 4 แห่ง คือ สถานที่ประสูติ (สวนลุมพินี) สถานที่ตรัสรู้ (ตำบลพุทธคยา) สถานที่แสดงปฐมเทศนา (ตำบลสารนาถ) และสถานที่ปรินิพพาน (เมืองกุสินารา)
ต่อมาได้พัฒนาจนกลายเป็นการสร้างเพื่อการทำบุญ และอุทิศบุญกุศลแด่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว (คติแบบมหายาน) และน่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาด้วย (คติแบบเถรวาท) เพราะในทางพระพุทธศาสนาเชื่อกันว่า พระพุทธศาสนาจะเสื่อมลงเมื่อครบอายุ 5,000 ปี จึงได้คิดสร้างพระพิมพ์และนำไปฝังไว้ในถ้ำหรือสถูปต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยหวังว่าในอนาคตหากมีผู้บังเอิญขุดพบพระพิมพ์ที่มีรูปของพระพุทธเจ้าหรือหลักธรรมของพระองค์ พระพิมพ์นั้นอาจเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้พบเห็นเกิดความเลื่อมใสและเชื่อถือในศาสนาพุทธอีกครั้ง
ความนิยมในการสร้างพระพิมพ์ในประเทศอินเดีย ได้ส่งอิทธิพลต่อดินแดนที่รับนับถือพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้จากหลักฐานการขุดค้นพบพระพิมพ์ตามแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ในหลาย ๆ ประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงถือได้ว่าพระพิมพ์เป็นโบราณวัตถุสำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถพบได้โดยทั่วไปในดินแดนที่รับนับถือพระพุทธศาสนา เพราะว่าเป็นสิ่งแทนสัญลักษณ์สำคัญต่าง ๆ ทางพระพุทธศาสนาในรูปของวัตถุขนาดย่อม สามารถเคลื่อนย้ายนำไปยังที่ต่าง ๆ ได้ง่าย อีกทั้งขั้นตอนในการสร้างก็ไม่ยุ่งยากเหมือนอย่างประติมากรรมรูปแบบอื่น ๆ ....................................................................................
เรียบเรียง/กราฟฟิก :
นางสาวธีรนาฎ มีนุ่น ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ และนางสาวจันทร์สุดา ทองขุนแก้ว นักวิชาการวัฒนธรรม/ ฝ่ายวิชาการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา
....................................................................................
อ้างอิง :
1. ธนกฤต ลออสุวรรณ. “การศึกษาคติความเชื่อของชุมชนโบราณสมัยทวารวดีในลุ่มแม่น้ำแม่กลองและท่าจีน : กรณีศึกษาจากพระพิมพ์ดินเผา” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบิณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2546. 2. นิติพันธุ์ ศิริทรัพย์. “พระพิมพ์ดินเผาสมัยทวารวดีที่นครปฐม.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบิณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2524. 3. รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. มรดก 1,000 ปี เก่าที่สุดในสยาม. นนทบุรี: มิวเซียมเพรส, 2556. 4. วิริยา อุทธิเสน. “การศึกษาคติความเชื่อของชุมชนโบราณสมัยทวารวดีในลุ่มแม่น้ำชีตอนกลาง กรณีศึกษาจากพระพิมพ์ดินเผา” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบิณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2546. 5. สันติ เล็กสุขุม. ประวัติศาสตร์ศิลปะไทย (ฉบับย่อ): การเริ่มต้นและการสืบเนื่องงานช่างในศาสนา. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ, 2548.
(จำนวนผู้เข้าชม 5526 ครั้ง)
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 กรมศิลปากร. กระทรวงวัฒนธรรม -
นโยบายเว็บไซต์
|
มาตรฐาน