เจ็ดเสมียน
“เจ็ดเสมียน” ชื่อนี้มีที่มา
“เจ็ดเสมียน” เป็นชื่อบ้านนามเมืองแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ชื่อนี้ปรากฎอยู่ในหลักฐานทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นตำนานบอกเล่า เช่น ในตำนานพระปฐมเจดีย์ ฉบับพระยาราชสัมภารากรและฉบับตาปะขาวรอด ได้บันทึกเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านเรื่องพระยากง พระยาพาน โดยได้กล่าวถึง “บ้านเจ็ดเสมียน” เมื่อครั้งที่พระเจ้าแผ่นดินสุโขทัยให้บุตรบุญธรรมคือพระยาพาน ซึ่งเป็น ผู้มีบุญญาธิการมาก ลงมาซ่องสุมผู้คนตั้งอยู่ที่ “บ้านเจ็ดเสมียน”
ความเป็นมาของชื่อบ้าน “เจ็ดเสมียน” ปรากฏเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานท้องถิ่นสืบต่อกันมาว่าในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ พระเจ้าตากสินมหาราชได้รวบรวมไพร่พลออกจากกรุงศรีอยุธยาเดินทางผ่านมายังเมืองราชบุรี แล้วโปรดให้รี้พลพากันข้ามแม่น้ำแม่กลองไปตั้งค่ายพักแรมบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ จากนั้นดำริให้ป่าวประกาศรับสมัครชายชาติทหารเพื่อร่วมรบกับข้าศึก เช้าวันรุ่งขึ้นมีผู้คนมาสมัครเป็นจำนวนมาก พระองค์จึงโปรดให้รับสมัครผู้รู้หนังสือมาเป็นเสมียนรับลงทะเบียนเพิ่มเติม ปรากฏว่ามีคนมาอาสาทำหน้าที่ดังกล่าวถึง ๗ คน และทำการบันทึกรายชื่อทหารได้ทันพลบค่ำพอดี จึงกลายเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน “เจ็ดเสมียน”
ในนิราศพระแท่นดงรังของสามเณรกลั่น ซึ่งแต่งขึ้นเมื่อพ.ศ. ๒๓๗๖ เมื่อครั้งที่ท่านเดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง ได้เล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของย่านเจ็ดเสมียน ว่าเจ็ดเสมียนเป็นย่านใหญ่ เดิมมีจระเข้อยู่เป็นจำนวนมาก แม้พระมหากษัตริย์จะใช้เสมียนถึงเจ็ดคนมาทำการจดก็ยังไม่พอ
“...ถึงบางกระไม่เห็นกระปะแต่บ้าน เป็นภูมิฐานทิวป่าพฤกษาไสว โอ้ผันแปรแลเหลียวให้เปลี่ยวใจ ถึงย่านใหญ่เจ็ดเสมียนเตียนสบาย ว่าแรกเริ่มเดิมทีมีตะเข้ ขึ้นผุดเร่เรียงกลาดไม่ขาดสาย
จอมกระษัตริย์จัดเสมียนเขียนเจ็ดนาย มาจดหมายมิได้ถ้วนล้านกุมภา...”
ชื่อ“เจ็ดเสมียน” ปรากฏอยู่ใน “กลอนเพลงยาวนิราศเรื่องรบพม่าที่ท่าดินแดง” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เมื่อคราวที่เสด็จไปรับศึกพม่าที่กาญจนบุรีปลายพ.ศ. ๒๓๒๙ ทรงกล่าวถึงสถานที่ต่าง ๆ ตามเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินรวมทั้ง “เจ็ดเสมียน” ดังความในพระราชนิพนธ์ว่า
“...ถึงท่าราบเหมือนที่ทาบทรวงถวิล ยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน
ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวัน จนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมาย มารายทุกข์ที่ทุกข์คะนึงหา จึงรีบเร่งนาเวศครรไลคลา พอทิวากรเยื้องจะสายัณห์...”
นอกจากนี้ยังมีนิราศซึ่งเป็นลักษณะของการพรรณนาการเดินทางอีกหลายเรื่องที่กล่าวถึง เจ็ดเสมียน ในความหมายของเสมียนจำนวนเจ็ดคน เช่น โคลงนิราศตามเสด็จทัพลำน้ำน้อยแขวงเมืองกาญจนบุรี ของพระยาตรัง, โคลงนิราศทวายของพระพิพิธสาลี, ลิลิตเสด็จไปขัดทัพพม่าเมืองกาญจนบุรี พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ, นิราศไทรโยค พระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และเรื่องเที่ยวไทรโยคคราวสมเด็จพระราชปิตุลา บรมวงศาภิมุข เสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ ฯ
ในพระราชนิพนธ์ “ระยะทางเสด็จประพาสไทรโยคในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครั้งแรก ปีฉลู พ.ศ.๒๔๒๐ ได้กล่าวถึง “เจ็ดเสมียน” ว่า
“...วัดเจ็ดเสมียน ลานวัดกว้างใหญ่ต้นไม้ร่มดูงามนัก เรือลูกค้าจอดอาศัยอยู่ที่นี่มาก บ้านเจ็ดเสมียนนี้เป็นที่ชื่นชอบของนักเลงกลอน พอใจจะอยากไหว้วานให้เสมียนมาจดแทบทุกฉบับ ในนิราศพระพุทธยอดฟ้าก็ว่าถึงเจ็ดเสมียนนี้เหมือนกัน...”
รายงานทะเบียนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าวัดเจ็ดเสมียนเป็นวัดราษฎร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. ๒๓๐๐ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้มีชุมชนเก่าแก่ และที่มาของชื่อวัดอาจตั้งตามชื่อหมู่บ้านซึ่งมีอยู่มาแต่เดิม ตามลักษณะของการตั้งชื่อสถานที่ ชื่อที่ตั้งขึ้นแต่ละยุคสมัยจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่ปรากฏในสมัยใดสมัยหนึ่ง ชื่อจึงเป็นเครื่องหมายบอกเรื่องราวภูมิหลังเพื่ออ้างอิงการรับรู้ร่วมกัน ชื่อบ้าน “เจ็ดเสมียน” สะท้อนแนวคิดในเรื่องชื่อบ้านนามเมืองหรือภูมินามพื้นบ้าน เป็นการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนผ่านการตั้งชื่อ ในสมุดราชบุรีปี ๒๔๖๘ ระบุว่า“เจ็ดเสมียน”เคยเป็นที่ตั้งของอำเภอมาก่อน โดยอำเภอโพธารามเดิมเรียกว่า อำเภอเจ็ดเสมียน ต่อมาในปี ๒๔๓๘ (ร.ศ.๑๑๔) จึงได้ย้ายขึ้นไปตั้งที่ตำบลโพธารามทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแม่กลอง ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้เสด็จพระราชดำเนินซ้อมรบเสือป่าที่จังหวัดราชบุรี และใช้พื้นที่เจ็ดเสมียนในการซ้อมรบด้วย
จากหลักฐานที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า “เจ็ดเสมียน” มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่อดีตและชื่อบ้านเจ็ดเสมียนอาจมีที่มาจากตำนานและคำบอกเล่าซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ทั้งนี้หากชื่อบ้าน “เจ็ดเสมียน” ตั้งขึ้นมาจากตำนานบอกเล่า เรื่องเสมียนเจ็ดคนในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว แสดงว่าคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เจ็ดเสมียนและบริเวณใกล้เคียงนั้น นอกจากจะมีใจจงรักภักดีสมัครไปทำสงครามเป็นจำนวนมากแล้ว จะต้องมีผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ เพราะตำแหน่ง
“เสมียน” ที่ปรากฏในตำราจินดามณี กำหนดไว้ว่าใครจะเป็นเสมียนจะต้องรอบรู้ ๘ สิ่งในเรื่องของหลักภาษาและวรรณยุกต์
“...เปนเสมียนรอบรู้ วิสัญช์
พินเอกพินโททัณฑ ฆาตคู้
ฝนทองอีกฟองมัน นฤคหิต
แปดสิ่งนี้ใครรู้ จึงให้เป็นเสมียน...”
เรียบเรียงโดย ปราจิน เครือจันทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี
เอกสารอ้างอิง
พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ กลอนเพลงยาวนิราศ เรื่องรบพม่าที่ท่าดินแดง,หลวงโสภณอักษรกิจ พิมพ์สนองพระคุณ ท่านเจ้าพระยารามราฆพ ฯ ในงานฉลองสุพรรณบัฎ วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๔.
กรมศิลปากร,จินดามณี พิมพ์แจกในงานศพคุณหญิงพิรุฬห์พิทยาพรรณ ณ วัดไตรมิตตวิทยาราม ๑๕ เมษายน ๒๔๘๕ ,กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์พระจันทร์, ๒๔๘๕.
กรมศิลปากร, นิราศไทรโยค พระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์,พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางอนงค์ สิงหศักดิ์ ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม กรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๑๘.
กรมศิลปากร, พระบวรราชนิพนธ์เล่ม ๑, กรุงเทพฯ :กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร,๒๕๔๕.
กรมศิลปากร,วรรณคดีพระยาตรัง. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์บรรณาคาร, ๒๕๑๕
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ,มูลเหตุแห่งการสร้างวัดในประเทศสยามชุมนุมพระนิพนธ์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ,กรงเทพฯ:บรรณกิจ,๒๕๔๓.
สมุดราชบุรี พ.ศ.๒๔๖๘ ,กรุงเทพฯ:สมาคมมิตรภาพญี่ปุ่น-ไทย,๒๕๕๐.
http:// www.chetsamian. go.th
ตัวอย่างไฟล์แนบ PDF: