องค์ความรู้ : มุสิกะเทพพาหนะพระคเณศ
การแสดงเบิกโรง เรื่องตำนานพระคเณศ ชุด “มุสิกะเทพพาหนะพระคเณศ”
 
          พระคเณศ  เทพเจ้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมนับถือมากในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูของอินเดียเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งอุปสรรค  ผู้บันดาลให้เกิดอุปสรรค หรือขจัดเสียซึ่งอุปสรรคและประทานความสำเร็จในการประกอบ พิธีมงคลต่าง ๆ  จึงมี การบูชาพระคเณศเป็นเบื้องแรก  นอกจากนี้ในคติของไทยยังนับถือพระคเณศว่าเป็นบรมครูแห่งศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ ด้วย                                      
 
          พระคเณศ  มีรูปกายเป็นบุรุษ  เศียรเป็นช้าง  สีแดงชาด  สันนิษฐานว่าเดิมเป็นเทพพื้นเมือง  ของอินเดีย  มีกำเนิดจากลัทธิการบูชาสัตว์หรืออาจมีกำเนิดจากการเป็นเทพเจ้าประจำเผ่า  และเนื่องจากช้างเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ทรงพลังเหนือสัตว์ทั้งหลาย  จึงได้รับการนับถือเป็นหัวหน้าของเทพที่มีเศียรเป็นสัตว์ทั้งปวง  ต่อมาได้รับยกย่องให้เป็นเทพ ในลัทธิไศวนิกาย  ได้รับตำแหน่งหัวหน้าอมนุษย์กึ่งเทวดาเหล่าบริวารของพระศิวะ  ทั้งยังเป็นบรมครูแห่งช้าง  บางครั้งรู้จักกันในนาม “คณปติ” หมายถึง  ผู้เป็นใหญ่ในหมู่คณะ  เรื่องที่พระคเณศเป็นเทพเจ้าผู้บันดาลให้เกิดอุปสรรคแก่ฝ่ายอธรรมและขจัดเสีย ซึ่งอุปสรรคแก่ฝ่ายธรรมะ ในคัมภีร์ลิงคปุราณะ ได้กล่าวไว้ว่า ครั้งหนึ่งเหล่าอสูรและรากษส  ได้พยายามบำเพ็ญเพียรประกอบพิธีกรรมบูชาพระศิวะและได้รับพรหลายประการ  ก่อให้เกิดความกำเริบเสิบสานสร้างความเดือดร้อนแก่เทวดา  มนุษย์ และสรรพสัตว์ไปทั่วทั้งสามภพ  เป็นเหตุให้พวกเทวดาพากันไปทูลอ้อนวอนขอให้พระศิวะสร้างเทพแห่งอุปสรรคขึ้นมา เพื่อคอยขจัดขัดขวางเหล่าอสูรกำเริบฤทธิ์ ส่วนสาเหตุที่พระคเณศมีงาข้างเดียว  มีปรากฏในปุราณะต่าง ๆ เรื่องราวแตกต่างกันออกไป  บางปุราณะกล่าวไว้ว่าเศียรช้างที่นำมาต่อกับตัว   พระขันธกุมารมีงาข้างเดียว  บางปุราณะก็กล่าวว่าถูกขวานปรศุรามซึ่งได้ประทานจากพระอิศวร เทพบิดาตัดขาด และบางปุราณะกล่าวต่างไปว่า  เหตุที่งาหักเพราะต่อสู้กับอสูรคชมุขหรือคชมุขอสูร  สำหรับงาข้างที่หัก พระคเณศใช้ถือเป็นอาวุธหรือใช้แทนเหล็กจารหนังสือ  โดยตามลักษณะรูปงาที่หักของอินเดีย ส่วนมากจะ หักข้างขวา และมือขวาจะถืองาที่หักไว้      
 
          การแสดงเบิกโรง เรื่อง ตำนานพระคเณศ ชุด มุสิกะเทพพาหนะพระคเณศ เป็นนาฏกรรมสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ รูปแบบการแสดงเบิกโรงโดยนายจรัญ  พูลลาภ*   มีแนวคิดนำบทบาทและเหตุการณ์สำคัญของพระคเณศที่ปรากฏ ในปุราณะต่าง ๆ จากหนังสือตำนานและประวัติพระคเณศบางฉบับ อาทิ กรมศิลปากร  และนายสมบัติ พลายน้อย (ส. พลายน้อย) ศิลปินแห่งชาติ  มาจัดทำเป็นบทนาฏกรรม   ซึ่งไม่เคยมีจัดแสดงมาก่อน และเป็นการแสดงเบิกโรงชุดใหม่นอกเหนือจากที่กรมศิลปากรเคยจัดแสดงมา ทั้งนี้ผู้จัดทำบทได้รับความอนุเคราะห์จากนาฏศิลปินทรงคุณวุฒิของกรมศิลปากรได้ กรุณาเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำบทจนเสร็จสมบูรณ์ ได้แก่  นายปกรณ์  พรพิสุทธิ์ นาฏศิลปิน (ด้านอำนวยการแสดง) ที่ปรึกษาการจัดสร้างโครงเรื่องและการสร้างสรรค์ระบำสโมสรมุสิกะ (ระบำหนู) โดยมีนายพงษ์พิศ  จารุจินดา ผู้ชำนาญการนาฏศิลป์ไทย เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ นายประสาท  ทองอร่าม นาฏศิลปินชำนาญการด้านศิลปะการแสดง ที่ปรึกษาการจัดทำบทและตรวจแก้ไข และนายสุรพงศ์ โรหิตาจล ดุริยางคศิลปินอาวุโส ประพันธ์ทำนองเพลง ทั้งนี้ได้นำการแสดงระบำชุดกุญชรเกษมของอาจารย์เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ มาร่วมประกอบการแสดง
 
          สำหรับเนื้อเรื่องกล่าวถึงอสูรตนหนึ่ง ชื่อ คชมุขหรือคชมุขา ได้พรพระอิศวรให้มีฤทธิ์อำนาจมาก  ไม่มีอาวุธใดในโลกาสังหารให้ตายได้  จึงกำเริบฤทธิ์คิดเป็นใหญ่เที่ยวรังแกข่มเหงผู้อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์  ทั้งเทวดา ฤษี อมนุษย์ และสรรพสัตว์ต่างเกรงกลัวฤทธิ์เดชจำยอมอยู่ใต้อำนาจปกครอง  ทุกเจ็ดวันคชมุขอสูรจะออกจากวิมานเขาจักรวาลเดินทางมาประชุม ตรวจตรา หากใครไม่เชื่อฟังหรือล่วงล้ำเข้ามา  ก็จะถูกเข่นฆ่าจับกินเป็นอาหาร  กระทั่งวันหนึ่งพระคเณศได้เสด็จลงมาบำเพ็ญพรตยังชายป่าหิมพานต์  บรรดาช้างสิบตระกูลรู้ข่าวต่างพากันเดินทางมาสักการะบูชา  เป็นเวลาเดียวกับที่คชมุขอสูร  มาประชุมสรรพสัตว์ในป่าหิมพานต์  รู้ข่าวว่าช้างสิบตระกูลมีใจไปสวามิภักดิ์พระคเณศจึงโกรธแค้น  เดินทางไปท้าท้าย พระคเณศสู้รบแต่ไม่อาจสู้ได้  ด้วยความโกรธจึงกระโดดเข้าหักงาขวาพระคเณศติดมาในมือ  แต่พระคเณศก็ช่วงชิงแย่งงาที่หักคืนมาได้  แล้วเหวี่ยงคชมุขล้มลงเหยียบอกไว้  สาปให้เป็นมุสิกะ (หนู) พาหนะ เพราะความอยากเป็นใหญ่ในสรรพสัตว์  ก่อนใช้งาขวาที่หักแทงสังหารคชมุขถึงแก่ความตาย
 
-----------------------------------------
 
* นายจรัญ พูลลาภ นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการ กลุ่มวิจัยและพัฒนาการสังคีต สำนักการสังคีต

(จำนวนผู้เข้าชม 4353 ครั้ง)

Messenger