กรมศิลปากรชี้แจงกรณีโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ฉบับที่ ๒
          นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมศิลปากรได้ชี้แจงว่าไม่มีความ เกี่ยวข้องใด ๆ กับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ซึ่งมีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยาไปแล้วนั้น

          กรมศิลปากรขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนคร ศรีอยุธยา ได้เข้าร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์และการคมนาคม เพื่อรองรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงและศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมการเดินรถจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสถานีอยุธยาและพื้นที่โดยรอบ ผู้แทนสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการฯ มีงานก่อสร้างอาคารสถานีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง ๔๕ เมตร และอยู่ในเกณฑ์ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถานและมรดกโลกอยุธยา จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางบริษัทที่ปรึกษาจะต้องสำรวจผลกระทบต่อโบราณสถานที่อยู่ริมทางรถไฟ หรือ EIA ก่อนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้แจ้งตอบในการประชุมว่ามีการอนุมัติรายงาน EIA ไปแล้วตั้งแต่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ทางสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา จึงดำเนินการตรวจสอบซึ่งไม่พบว่ามีการส่งรายงานสำรวจ EIA มายังสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา แต่อย่างใด สำหรับอาคารสถานีอยุธยา บริษัทฯ ชี้แจงว่าจะดำเนินการสร้างอาคารใหม่คร่อมอาคารหลังเก่า และปรับปรุงเป็นศูนย์ข้อมูลหรือพิพิธภัณฑ์ จึงเป็นครั้งแรกที่กรมศิลปากรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงยกระดับและสถานีขนาดใหญ่ และการจัดทำแนวทางการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่ง (Transit Oriented Development - TOD) และหลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นการหารือรายละเอียดการก่อสร้างระหว่างกรมศิลปากรและบริษัทที่ปรึกษา ฯ ตลอดมา
          จนเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดย กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ขอเข้าหารือกับ กรมศิลปากร ในประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับขนาดของอาคารสถานีที่มีความสูงและใหญ่เกินความจำเป็นต่อการใช้งาน และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เกาะเมือง จึงอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกได้ จึงขอให้ กรมศิลปากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปรับปรุงรูปแบบอาคารให้กระทบต่อแหล่งมรดกโลกน้อยที่สุด กรมศิลปากรจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานติดตามแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาโดยตรง
          วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๓ กรมศิลปากรได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่าพื้นที่โครงการอยู่ในเขตโบราณสถาน และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้มีการพิจารณาทางเลือกในการออกแบบสถานี ที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่หรือย้ายที่ตั้งสถานี และไม่เห็นด้วยกับรูปแบบสถานีที่มีการนำเสนอ และขอให้การรถไฟส่งรายละเอียดรูปแบบรางและอาคารสถานีในแนวเส้นทางรถไฟ ตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบพิจารณา และขอให้มีนำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทราบต่อไป และในวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ได้เข้าหารือกับอธิบดีกรมศิลปากร เกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีอยุธยาของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ณ ห้องประชุมกรมศิลปากร ชั้น ๘ (เทเวศร์) ในครั้งนั้น กรมศิลปากรมีประเด็นนำเสนอว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ มีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงควรให้ความสำคัญต่อบริบทความเป็นมรดกโลกของพื้นที่ และร่วมกันพิจารณาหาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมร่วมกัน และต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม หรือ HIA ต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา รวมถึงให้ดำเนินการจัดทำการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ตามความจำเป็น



(จำนวนผู้เข้าชม 1658 ครั้ง)

Messenger