ตู้อิเหนา ตอน ลมหอบ
ตู้อิเหนา ตอน ลมหอบ
ศิลปะรัตนโกสินทร์ ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕
เครื่องตกแต่งพระเบญจาประดิษฐานพระโกศในงานพระเมรุ เดิมอยู่ที่หอพระนาก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม รับมาไว้ในพิพิธภัณฑสถาน เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๓
พระเบญจา คือ พระแท่นทำเป็นฐานซ้อนชั้นขึ้นไป ใช้สำหรับรองรับพระบรมโกศ เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศเจ้านายชั้นสูง และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ หรือสำหรับประดิษฐานบุษบกพระพุทธรูป
“...พนมศพครบเจ็ดชั้น พึงพิศ แลฉลุลายประดิษฐ์ เลิศแล้ว...” ในโคลงถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิพระเจ้าหลวงใช้คำเรียกพระเบญจาว่า “พนมศพ” ซึ่งคำว่า พนม แปลว่า ภูเขา อันสะท้อนให้เห็นคติความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุสำหรับประดิษฐานพระโกศ
บริเวณพระเบญจานั้นมีการตกแต่งด้วยรูปประติมากรรมต่างๆ ในแต่ละชั้น โดยปรากฏหลักฐานอยู่ใน “นิพพานวังน่า” ได้บรรยายลักษณะพระเบญจา ๗ ชั้น สำหรับรองรับพระโกศสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ณ พระเมรุมาศ ก่อนพระราชทานเพลิงพระศพไว้ ดังนี้
“เขาเชิญชักพระโกษบรมนารถ
ขึ้นเหนืออาศน์ชวลิตประสิทธิสม
ชั้นหนึ่งเทพย์น้อมศิโรดม
ถึงชั้นสองมีพรหมประนมกร
อันชั้นสามแลงามจำเริญเนตร
อมเรศร์เรียงเทพย์อับศร
ที่ชั้นสี่มีเทพย์กินนร
วิชาทรคนธรรพสลับกัน
ชั้นห้ารจนาองค์อิเหนา
เมื่อโศกเศร้าแรมห้องคูหาสวรรค์
เหมือนลอองร้างสิบสองพระกำนัล
ทั้งแปดหมื่นสี่พันเคยปกครอง
ชั้นหกเป็นกนกกระหนาบอินทร์
ทรงคิรินทร์เจ็ดเศียรผันผยอง
ถึงชั้นเจ็ดเพ็ชร์รับหิรัญรอง
เห็นสีส่องแสงรุ้งอร่ามพราย”
จากคำประพันธ์ข้างต้น สันนิษฐานได้ว่ารูปประติมากรรมสำหรับตกแต่งพระเบญจาประดิษฐานพระโกศ มักให้ความสำคัญกับการส่งเสด็จสู่สวรรค์ อันเป็นงานประณีตศิลป์ที่สอดคล้องกับคติความเชื่อเรื่องไตรภูมิ และฉากตัวละครจากวรรณกรรมของราชสำนัก ทั้งนี้อาจใช้สำหรับแสดงพระราชอิสริยยศของเจ้านายพระองค์นั้นๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น หุ่นจำลองเรื่องรามเกียรติ์ ฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ใช้สำหรับตกแต่งพระเบญจาซึ่งประดิษฐานพระโกศในงานพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ท้องสนามหลวง เมื่อพุทธศักราช ๒๔๒๓
โดยธรรมเนียมการประดิษฐานพระบรมโกศบนพระเบญจานั้น ได้มีการยกเลิกไปเมื่อครั้งพระบรมศพรัชกาลที่ ๕ โดยมีการปรับเปลี่ยนมาใช้พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำหรับตั้งพระเบญจาแทนการฉลองก่อนการถวายพระเพลิง ณ พระเมรุมาศ แล้วบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ เรียกว่า การทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ
ข้อสังเกต “ตู้อิเหนา ตอน ลมหอบ” นี้ ใช้เทคนิคปูฉากหลังด้วยกระจกเกรียบ ทำให้เกิดแสงสะท้อนแวววับคล้ายกับฟ้าแลบ อีกทั้งใช้สำลีม้วนแทนพายุและเมฆหมอก มีต้นไม้ไหวเอนพร้อมกับกิริยาของตัวละครที่สอดคล้องกับคำบรรยายในบทละครเรื่องอิเหนา ตอน ลมหอบ ดังนี้
๏ จึงผาดแผลงสำแดงศักดาเดช
สะเทือนทั่วประเทศทิศาศาล
เมฆหมอกมืดมนอนธการ
อัศจรรย์บันดาลด้วยฤทธิรณ
แล้วบังเกิดพายุใหญ่
กัมปนาทหวาดไหวทั้งไพรสณฑ์
ลมหอบเอารถนฤมล
สามคนลอยลิ่วปลิวไป
๏ บัดนั้น
ประสันตาตัวสั่นหวั่นไหว
กะระตาหลาล้มลงทันใด
ฉวยได้กอหญ้ากระหมวดมือ
ประสันตาคว้ากอดต้นไม้มั่น
นึกพรั่นกลัวจะพลัดมือถือ
เสียงสายฟ้าลั่นบันลือ
ไม่รู้สึกสมประดีดาล
หากพิจารณารูปแบบของชุดตู้อิเหนานี้ สามารถอนุมานได้ว่าคงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา โดยเป็นช่วงที่ศิลปะตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทในงานศิลปกรรมไทยแล้ว สังเกตได้จากเครื่องแต่งกายของทหารในตอนลักนางบุษบา อีกทั้งสถาปัตยกรรมกับเครื่องตกแต่งอาคารในตอนอิเหนาประชวร ล้วนบ่งบอกลักษณะของฉากและเครื่องแต่งกายตัวละครที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกทั้งสิ้น
กรมศิลปากรเคยนำชุดตู้อิเหนาไปจัดแสดงจำนวน ๒ รายการ คือ ตู้อิเหนา ตอนท้าวดาหาบวงสรวง และตอนลักนางบุษบา ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อพุทธศักราช ๒๕๖๔
ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปทุมธานี
อ้างอิง
ธนโชติ เกียรติณภัทร. ฉากงานพระเมรุมาศและพระเมรุในวรรณคดีไทย สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น : ภาพสะท้อนพระราชพิธี พระบรมศพก่อนสมัยรัชกาลที่ ๖. ดำรงวิชาการ. ๑๗ ๑ (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๑).
พุทธเลิศหล้านภาลัย, พระบาทสมเด็จพระฯ. บทลครเรื่องอิเหนา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ. โรงพิมพ์ไทย. ๒๔๖๔
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. คำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒธรรม. ๒๕๕๙
(จำนวนผู้เข้าชม 207 ครั้ง)